วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เทคโนโลยีการขนส่ง

เทคโนโลยีการขนส่ง



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณภาพจาก click!


พัฒนาการของเทคโนโลยีการขนส่ง
ในชีวิตประจาวันของเรานั้นเกี่ยวข้องกับการเดินทางอยู่ตลอด ทั้งการเดินทางไปทางาน การเดินทางกลับภูมิลาเนา การเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ฯลฯ การเดินทางจัดได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการขนส่งโดยเน้นความสาคัญอยู่ที่คน อย่างไรก็ตาม หากกล่าวถึงการขนส่งจะไม่ได้มีหมายความเฉพาะแต่บุคคล แต่ยังรวมไปถึงสัตว์ และสิ่งของอีกด้วย ในหัวข้อนี้จะถึงความหมายของการขนส่ง พัฒนาการของเทคโนโลยีการขนส่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน


ความหมายของการขนส่ง

     สารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถานให้คาจากัดความของ คำว่า ขน คือ การนาเอาของจานวนมากๆ จากที่หนึ่งไปไว้อีกที่หนึ่ง และ ส่ง คือ การยื่นให้ถึงมือหรือพาไปให้ถึงที่ เมื่อรวมทั้งสองคาเข้าด้วยกันคำว่า การขนส่งหรือขนส่ง (transportation หรือ transportจึงหมายถึง การนาเอาของจานวนหนึ่ง จากที่หนึ่งไปยื่นให้ถึงมือหรือพาไปถึงปลายทาง ตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 มาตรา 4 ได้นิยามคาว่า การขนส่ง คือ การลาเลียงหรือเคลื่อนย้ายบุคคลหรือสิ่งของด้วยเครื่องมือ อุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งอุปกรณ์การขนส่งในที่นี้หมายถึง ยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งรวมถึงเครื่องทุนแรงด้วย ในมุมมองทางเศรษฐศาสตร์ การขนส่ง คือ กิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างหนึ่งที่จัดให้มีการเคลื่อนย้าย คน สัตว์ หรือสิ่งของ จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จากความหมายของการขนส่งตามบริบทต่างๆ ตามที่กล่าวข้างต้นพอสรุปได้ว่า การขนส่งจึงหมายถึง การจัดให้มีการเคลื่อนย้ายบุคคล สัตว์ หรือสิ่งของจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งโดยการใช้เครื่องมือหรือพาหนะอย่างใดอยางหนึ่ง ถ้าเป็นการขนส่งบุคคล เรียกว่า การขนส่งผู้โดนสาร และถ้าเป็นการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของจะเรียกว่า การขนส่ง


ยุคของเทคโนโลยีการขนส่ง           การขนส่งมีการพัฒนาโดยตลอดเริ่มตั้งแต่มนุษย์อาศัยพลังงานจากธรรมชาติ ตลอดจนใช้กาลังสัตว์เป็นพาหนะในการเดินทาง เมื่อความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมเจริญก้าวหน้ามากขึ้นมนุษย์จึงได้นาความรู้มาประยุกต์ใช้ในด้านการขนส่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับยานพาหนะหรือเครื่องมือประเภทต่างๆ ยุคของการพัฒนาการขนส่งอาจแบ่งตามเทคโนโลยีของยานพาหนะที่ใช้เป็น 7 ยุคดังนี้



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
สุนัขลากเลื่อน
ขอบคุณภาพจาก คลิก

      1.
 ยุคที่ใช้พลังงานจากธรรมชาติ 
เป็นยุคแรกของการขนส่งซึ่งรวมถึงการใช้กำลังของสัตว์ในการลากจูง เช่น การใช้กวางเรนเดียร์ หรือฝูงหมาป่าเพื่อลากรถไปบนหิมะ หรือการใช้แรงลมเพื่อการแล่นเรือใบของชาวไวกิ้งแห่งคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย เป็นต้น การเดินทางในยุคแรกนี้สามารถบรรทุกสิ่งของหรือคนได้จานวนจากัด และต้องใช้กาลังสัตว์เป็นจานวนมากเมื่อเทียบกับปริมาณสิ่งของที่ต้องการบรรทุก



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
รถม้า
ขอบคุณรูปภาพจาก คลิก

      2.
 ยุควงล้อ 
เป็นยุคที่มนุษย์เริ่มรู้จักประดิษฐ์วงล้อใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยในการลากจูง ทาให้เพิ่มความ สามารถในการบรรทุกสิ่งของและเดินทางได้ระยะไกลมากขึ้น แต่ยังคงใช้แรงจากสัตว์ในการลากจูงเหมือนเดิม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หัวรถจักรไอน้ำ
หัวรถจักรไอน้ำ
ขอบคุณรูปภาพจาก คลิก

      3. ยุคเครื่องจักรไอน้า เกิดขึ้นในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมโดย เจมส์ วัตต์ (James Watt พ.ศ. 2279– 2360) เป็นผู้คิดค้นเครื่องจักรไอน้า (steam engine) ซึ่งนามาใช้ในการขนส่งทั้งทางบกและทางน้า เช่น ใช้ในการเดินเรือประมาณศตวรรษที่ 18 และนามาใช้กับหัวรถจักรในต้นศตวรรษที่ 19 ในยุคนี้มีการขยายตัวและพัฒนาระบบการขนส่งอย่างรวดเร็ว
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
รถราง
ขอบคุณณุปภาพจาก คลิก


      4.
 ยุคมอเตอร์ไฟฟ้า 
เป็นยุคที่มนุษย์ได้คิดประดิษฐ์มอเตอร์ไฟฟ้าขึ้นแล้วนามาใช้โดยเฉพาะกับการขนส่งทางบกในอดีต เช่น รถราง ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการขนส่งคนในระยะใกล้และในปัจจุบันยังใช้กันอยู่ในหลายประเทศ



      5. ยุคเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นยุคที่มนุษย์รู้จักนาความรู้ด้านการสันดาปภายใน (internal combustion) ของเครื่องยนต์มาประยุกต์ใช้เป็นต้นกาลังของการขนส่งโดยนาเชื้อเพลิงน้ามันหรือแก๊สมาใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งการขนส่ง ทางบก ทางน้า และทางอากาศ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เครื่องบินไอพ่น
เครื่องบินไอพ่น
ขอบคุณณุปภาพจาก คลิก


      6. ยุคไอพ่นและจรวด เริ่มต้นประมาณต้นศตวรรษที่ 20 เป็นยุคที่มนุษย์แข่งขันกันในรูปของความเร็ว ซึ่งต่อเนื่องจากยุคเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยเน้นด้านการขนส่งทางอากาศซึ่งต้องการความรวดเร็ว จึงทาให้ประหยัดเวลาในการขนส่งสินค้าและคน และยังเกี่ยวโยงกับธุรกิจด้านที่พักในแหล่งท่องเที่ยว การจัดกิจกรรมและการขายเพื่อการบริการด้านการท่องเที่ยว
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นิวเคลียร์ทางการทหาร
หัวรบนิวเคลียร์
ขอบคุณรูปภาพจาก คลิก


      7. ยุคนิวเคลียร์ เป็นอีกยุคหนึ่งที่มนุษย์นาความรู้ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ทางด้านเคมีเชิงฟิสิกส์ (Physical Chemistry) และฟิสิกส์นิวเคลียร์ (Nuclear Physics) เข้ามาช่วยในการขนส่ง แต่เป็นการลงทุนที่สูงมาก จึงทาให้เทคโนโลยีการขนส่งนี้จากัดอยู่กับการใช้งานด้านการทหาร และการค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นส่วนใหญ่


องค์ประกอบของการขนส่ง

จากความหมายข้างต้นทาให้ทราบว่า การขนส่งเป็นการจัดกิจกรรมการบริการใน 2 รูปแบบคือ การขนส่งสินค้าได้แก่ อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค เครื่องใช้ในชีวิตประจาวัน ไปรษณียภัณฑ์ ฯลฯ และอีกรูปแบบคือ การขนส่งผู้โดยสาร ได้แก่ บุคคลซึ่งอาจหมายถึงบุคคลคนเดียวหรือหมู่คณะ การดาเนินการหนึ่งๆ จะเรียกว่าเป็นการขนส่งได้นั้น ต้องมีองค์ประกอบครบทั้ง 5 ประการคือ สิ่งที่ขนส่ง ยานพาหนะและหน่วยบรรทุก เส้นทาง สถานีหรืออาคารที่พักผู้โดยสาร และผู้ประกอบการ

      1. สิ่งที่ขนส่ง จาแนกได้เป็น 2 ประเภทคือ คนกับสัตว์หรือสิ่งของ ในกรณีที่เป็นคนจะเรียกว่า การขนส่งผู้โดยสาร (passenger transport)  ในกรณีที่เป็นสัตว์หรือสิ่งของจะเรียกว่า การขนส่งสินค้า (freight transport)

     2. ยานพาหนะ (vehicle) และหน่วยบรรทุก จาแนกตามรูปแบบการขนส่งได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
               2.1 การขนส่งทางบก (land transportation) เช่น รถยนต์ รถบรรทุก รถโดยสาร รถรางไฟฟ้า รถไฟ หรือ ช้าง ม้า ลา อูฐ เกวียน เป็นต้น
              2.2 การขนส่งทางน้า (water or maritime transportation) เช่น เรือโดยสาร เรือบรรทุกสินค้า
             2.3 การขนส่งทางอากาศ (air transportation) เช่น เครื่องบิน บอลลูน กระสวยอวกาศ
            2.4 การขนส่งทางท่อ (pipeline transportation) ใช้ในการขนส่งของไหล น้ามันหรือแก๊ส
     3. เส้นทาง (Route, Way หรือ Path) ที่ใช้สาหรับการขนส่ง แบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
            3.1 เส้นทางที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ (natural way) เช่น ทะเลและมหาสมุทร ส่วนใหญ่ใช้เป็นเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศ สาหรับน่านฟ้าหรือเส้นทางอากาศ สามารถติดต่อได้ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
           3.2 เส้นทางที่ดัดแปลงขึ้นจากธรรมชาติ (artificial improved natural way)  เช่น ลาคลอง แม่น้า เป็นต้น โดยมากใช้เป็นเส้นทางขนส่งภายในประเทศ
          3.3 เส้นทางที่สร้างขึ้น (artificial way)  เช่น ถนน รางรถไฟ หรือท่อสาหรับการลาเลียงแก๊สหรือของเหลวอื่นๆ

     4. สถานีหรืออาคารที่พักผู้โดยสาร (station หรือ terminal) เป็นบริเวณที่ใช้สาหรับขนถ่ายสิ่งที่ต้องการขนส่งขึ้นหรือลงจากยานพาหนะ ในกรณีที่เป็นการขนส่งผู้โดยสารสถานที่ดังกล่าวยังเป็นบริเวณที่ใช้สาหรับรอใช้บริการเปลี่ยนรูปแบบการเดินทาง โดยทั่วไปสถานีจะอยู่ที่จุดเริ่มต้นและจุดปลายทางของการขนส่ง ประเภทของสถานีจะขึ้นอยู่กับลักษณะเส้นทางและยานพาหนะในการขนส่ง ตัวอย่างเช่น สถานีของการขนส่งทางบก ได้แก่ สถานีขนส่งรถประจาทาง สถานีรถไฟ สถานีของการขนส่งทางน้า ได้แก่ ท่าเรือ ท่าเรือน้าลึก สะพานปลา สถานีของการขนส่งทางอากาศ ได้แก่ สนามบิน เป็นต้น

     5. ผู้ประกอบการ (carrier) คือ ผู้ที่ให้บริการการขนส่งอาจจะเป็นรัฐบาล หรือเอกชนผู้ให้บริการอาจได้รับค่าจ้าง ถ้าดาเนินการในลักษณะของธุรกิจ หรือไม่ได้รับผลตอบแทน ถ้าดาเนินการเพื่อส่วนบุคคล


ความสาคัญของการขนส่ง
          การเดินทางหรือการขนส่งที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งต้องอ้างอิงกับกิจกรรมของผู้ที่ทาให้เกิดการเดินทางหรือขนส่งนั้น ด้วยเหตุนี้การเดินทางหรือขนส่งจึงเป็นสิ่งที่สืบเนื่องมาจากกิจกรรมที่ผู้ก่อให้เกิดการเดินทางมีความประสงค์ที่ จะกระทา โดยทั่วไปสามารถจาแนกการเดินทางตามวัตถุประสงค์ต่างๆ ได้ 7 ประเภทคือ การเดินทางเพื่อประกอบอาชีพ การเดินทางเพื่อกลับบ้าน การเดินทางเพื่อไปศึกษา การเดินทางเพื่อซื้อสินค้า การเดินทางเพื่อธุรกิจส่วนตัว การเดินทางเพื่อติดต่อสังสรรค์กับผู้อื่น และการเดินทางเพื่อท่องเที่ยว  
จึงกล่าวได้ว่า การขนส่งเป็นองค์ประกอบหลักของชุมชนที่มีความสาคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจ บทบาทสาคัญของการขนส่งคือ การให้บริการหรืออานวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายคนหรือสินค้าจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งที่ต้องการ เนื่องจากระบบขนส่งทาหน้าที่เชื่อมโยงกิจกรรมต่างๆ ของชุมชนเข้าด้วยกัน ระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพจะส่งผลให้การดาเนินงานหรือการพัฒนาด้านต่างๆ ในชุมชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามไปด้วย ความสาคัญของการขนส่งในด้านต่างๆ มี 3 ประการดังนี้

ความสาคัญของการขนส่งต่อเศรษฐกิจของประเทศ
1. ช่วยลดต้นทุนในการผลิต ส่งผลให้ราคาสินค้าต่าลง
2. การขนส่งที่ครอบคลุมไปถึงพื้นที่ชนบท ช่วยให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงระบบขนส่งได้สะดวกทาให้สามารถขายผลผลิตทางการเกษตรได้ง่ายขึ้นเป็นการกระจายรายได้สู่ชนบท
3. ช่วยขยายโอกาสการจ้างงาน การทางาน และการค้าให้กระจายไปสู่ชุมชนอย่างทั่วถึง ทาให้คนในชุมชนมีรายได้ มีการจ้างงาน เพิ่มรายได้ และลดปัญหาการว่างงาน
4. การขนส่งระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็นการขนส่งคน หรือสินค้าล้วนสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นเงินจานวนมหาศาลในแต่ละปี ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการท่องเที่ยว การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและภาษี


ความสาคัญของการขนส่งต่อชุมชนและสังคม
1. ช่วยขยายโอกาสทางการศึกษาและการจ้างงานให้กับคนในชุมชน ช่วยให้ผู้คนที่อยู่ห่างไกลเมืองได้มีโอกาสศึกษาหาความรู้ และประกอบอาชีพการงานได้ทัดเทียมกับคนที่อยู่ในเมือง
2. ช่วยลดช่องว่างของสถานะทางสังคมของคนในชุมชน ระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ จะทาให้คนในชุมชนทุกระดับชั้นสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างทั่วถึงและอย่างเท่าเทียมกัน
3. ช่วยให้ผู้คนไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชนให้เป็นปึกแผ่น และก่อให้เกิดความสามัคคีกันของคนในชุมชน
4. ช่วยให้เกิดการสื่อสารแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างชุมชน ไม่ว่าจะเป็นภายในภูมิภาค ระหว่างภูมิภาคหรือระหว่างประเทศ การแลกเปลี่ยนดังกล่าวเป็นการลดช่องว่างและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ช่วยให้คนที่อยู่ต่างพื้นที่กันเกิดความเข้าใจกันมากขึ้น


ความสาคัญของการขนส่งต่อความมั่นคงของประเทศ1. ระบบขนส่งและถนนที่ครอบคลุมพื้นที่ห่างไกลความเจริญ และพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการถูกคุกคามจากผู้รุกรานนอกประเทศ ช่วยให้ประเทศเกิดความมั่นคงและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
2. ถนนที่เข้าสู่หมู่บ้านที่ห่างไกลบริเวณแนวชายแดนช่วยให้หน่วยงานรัฐและทหารสามารถเข้าถึงพื้นที่เหล่านี้ได้สะดวกขึ้น ส่งผลให้ผู้คนในชุมชนดังกล่าวเกิดความอุ่นใจ อีกทั้งยังทาให้สามารถดาเนินการปกป้องพื้นที่ได้อย่างทันท่วงทีเมื่อมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้น
3. การขนส่งที่ทั่วถึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้การปกครองบ้านเมืองเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากรัฐสามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ของประเทศได้อย่างทั่วถึง ทาให้ทราบความเป็นไปของคนในพื้นที่และสามารถวางแนวทางในการพัฒนาชุมชนและกลยุทธ์ในการป้องกันประเทศได้อย่างเหมาะสม





ขอบคุณแหล่งที่มาจากคุณ 

     pnutty35


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น